5 กลไก Pre-Flop: กุญแจสู่ชัยชนะในโป๊กเกอร์

5 กลไก Pre-Flop: กุญแจสู่ชัยชนะในโป๊กเกอร์

5 กลไก Pre-Flop: กุญแจสู่ชัยชนะในโป๊กเกอร์

ในโป๊กเกอร์รอบ Pre-Flop คือจุดเริ่มต้นของแต่ละมือตั้งแต่ได้รับไพ่ 2 ใบ และตัดสินใจว่าจะหมอบ (Fold), เก (Bet), หรือสู้ต่อ (Call, Raise ฯลฯ) การตัดสินใจตรงนี้ส่งผลต่อทุกอย่างที่ตามมา

ถ้าคุณอยากเล่นโป๊กเกอร์ No-Limit Texas Hold’em ให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องเข้าใจมากกว่าการจำว่าไพ่ใบไหนควรเล่น เพราะโป๊กเกอร์ไม่ใช่เกมที่ใช้ความจำอย่างเดียว แต่คือเกมของ “ความเข้าใจ” และนี่คือ 5 กลไกสำคัญที่คุณควรรู้

หัวข้อต่างๆ

1. ตำแหน่งในการเล่น สำคัญที่สุด

หากคุณอยากประสบความสำเร็จในการเล่นโป๊กเกอร์ คุณต้องฝึกและสร้างทักษะที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น ในระดับ Micro-Small Stake หรือ ทัวร์นาเมนต์ที่มีค่าสมัครยังไม่สูงมาก ทักษะ-การตัดสินใจ ในการเล่นรอบ Pre-Flop คือสิ่งแรกที่คุณควรให้ความสำคัญฝึกฝนจนมีความเชี่ยวชาญ! หากการเลือกเล่นหรือตัดสินใจเล่นในรอบ Pre-Flop ไม่ดี จะส่งผลเสียไปยังการเล่นรอบต่อๆ ไป เหมือนการสร้างบ้านที่ต้องเริ่มจากการสร้างฐานรากให้มั่นคง

ดังนั้น เราจึงเลือก ตำแหน่งในการเล่น ขึ้นมาเป็นหัวข้อแรกที่คุณควรให้ความสำคัญ ตำแหน่งในการเล่นคือทุกสิ่ง ตำแหน่งในการเล่นคือพลังอำนาจ ยิ่งคุณอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบมากเท่าไร คุณยิ่งมีทางเลือกในการเล่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเหลือผู้เล่นที่เล่นต่อจากคุณน้อยเท่าใด คุณยิ่งต้องเพิ่มความดุดันด้วยการ Open-Raise ให้มากขึ้นเท่านั้น (ยิ่งเหลือผู้เล่นน้อย ยิ่งมีโอกาสเอาชนะได้มากขึ้น) ซึ่งหมายความว่า คุณกำลังเลือกไพ่นั้นเพื่อเล่นกับไพ่ของผู้เล่นที่เหลืออยู่

โดยทั่วไป ความผิดพลาดมักจะเกิดขึ้นที่จุดนี้ เนื่องจาก ผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะเลือกไพ่ที่กว้างเกินไปเมื่ออยู่ในตำแหน่งแรกๆ ในการเล่น แต่กลับเลือกไพ่ที่แคบเกินไปเมื่อมีตำแหน่งที่ได้เปรียบ

มาดูการแผนภาพที่แตกต่างกันระหว่างตำแหน่ง 2 ตำแหน่งที่ใช้ Open-Raise

utg rfi

btn rfi

แผนภาพนี้แสดงข้อเปรียบเทียบของไพ่ใน Range ที่แนะนำในการเล่น ของ 2 ตำแหน่ง ที่มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากเมื่อต้องตัดสินใจเล่นก่อนในการแข่งขัน จะเห้นว่าไพ่สีแดงที่สามารถ Open-Raiseได้ มีจำนวนที่แตกต่างกัน
คุณจึงควรเล่นเมื่อคุณมีตำแหน่งที่ได้เปรียบให้มากขึ้น และ ลดการเล่นของคุณลงเมื่อมีตำแหน่งที่เสียเปรียบ

2. ขนาดของชิปบนหน้าตักที่คุณมีอยู่

จำนวนมือ หรือ ไพ่ที่คุณจะนำไปเล่น นอกจากจะถูกกำหนดจากตำแหน่งในการเล่น แล้ว ยังถูกกำหนดโดยขนาดของชิปที่มีอยู่ของคุณอีกด้วย หรือ หากจะพูดให้ถูกต้องจริงๆ คือขึ้นอยู่กับ Effectiive Stack (ขนาดชิปที่สามารถเสีย หรือ ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมี 20bb คู่ต่อสู้มี 100bb ไม่ว่าคุณจะเล่นอย่างไรก็สามารถเสียได้เพียง 20bb ที่คุณมีเท่านั้น ในทางกลับกัน หากคุณมี 100bb และ คู่ต่อสู้มี 20bb ถึงคุณจะสามารถชนะคู่ต่อสู้แต่ก็ได้ชิปมากสุดแค่ 20bb ที่เขามีเท่านั้น เช่นเดียวกัน) ซึ่งนี่คือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับผู้เล่นหลายๆ คน เนื่องจากเขาเรียนรู้แผนการเล่น สำหรับชิปหน้าตักที่ 80-100bb และคิดว่า สามารถนำมาใช้ได้กับการเล่นกับคู่ต่อสู้ที่มีชิปที่แตกต่างกันได้ทุกขนาดซึ่งเป็นความคิดที่ผิด

ชิปหน้าตักของคุณ และ คู่ต่อสู้ มีความสำคัญเป็นอย่างมากกับแผนการเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัวร์นาเมนต์ MTT ที่ชิปหน้าตักของผู้เข้าแข่งขัน รวมถึงชิปหน้าตักของคุณ จะมีความผันผวนมากตลอดการแข่งขัน บางครั้งคุณอาจมีชิปจำนวนมาก (ซึ่งโดยปกติแล้วคุณจะมีชิปจำนวนมากในช่วงเริ่มต้นการแข่งขัน) หรือ บางครั้งคุณอาจมีชิปเหลือน้อยจนแทบจะต้องออกจากการแข่งขันแล้ว (ซึ่งปกติแล้วจะอยู่ช่วงท้ายของการแข่งขัน) และ หากคุณยังเล่นโป๊กเกอร์ด้วยแผนการเล่นปกติ เมื่อคุณเหลือชิป เพียง 15bb คุณก็จะพลาดและตกรอบได้อย่างง่ายดาย

utg rfi

utg 15bbs rfi

จากภาพด้านบน เป็นสถานการณ์ในการเล่น ที่ตำแหน่ง UTG ทั้งสองสถานการณ์ แต่ความแตกต่างกันของกลยุทธ์ของภาพทั้งสองนั่นก็คือ หากคุณ มีชิปหน้าตักเหลืออยู่ 80bb คุณจะสามารถนำไพ่เข้าไปเล่นได้มากกว่า การเล่นด้วยชิปหน้าตักที่เหลือน้อย

เมื่อคุณมีชิปหน้าตัก เหลือน้อย แผนการเล่นของคุณจะต้องรัดกุมกว่า การเล่นเมื่อมีชิปหน้าตักเหลืออยู่มากๆ

3. อย่าพยายามเล่นมากเกินไป

ผู้เล่นหลายคนพยายามเล่นมากเกินไปไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเปิดด้วยการ Open-Raise หรือ เป็นฝ่าย Call เราสามารถพบการ Open-Raise ในการเล่นให้ห้อง 1/3 ที่เลือกขนาดสูง 10-12ชิป (ขนาด เกือบ 4x) และที่น่าประหลาดมากกว่านั้นก็คือ อาจมีคน Call การ Open-Raise ที่ขนาดใหญ่มากๆนี้ มากกว่า 1 คน ซึ่งเราสามารถบอกได้เลยว่า ในการเล่นนี้ มีผู้เล่นที่เล่นผิดพลาด ด้วยการนำไพ่ Q9 หรือ J9 เข้ามาเล่นได้อย่างแน่นอน (เพราะเขาหวังว่าจะนำเขาไปติด 2 pair ขึ้นไปและทำกำไรจากการเสี่ยงเล่นนี้)

ทุกครั้งที่พวกเขาใช้แผนการเล่นแบบนี้ (ด้วยความคุ้มค่าจากการ Call) เราพบว่า Equity ของ Pot ที่มีคนเข้ามาเล่นมากกว่า 1 คน เช่นนี้จะถูกแบ่งออกไปเฉลี่ยให้กับทุกคนบนโต๊ะ โดยเฉพาะ หากเป็นการเล่น Cash-Game จะยิ่งแย่เข้าไปอีก เพราะค่าธรรมเนียมที่หักจากการเล่นนี้สูงจนทำให้ไม่มีกำไร

btn vs utg rfi

btn vs co rfi

จากภาพเราจะเห็นว่า หากคุณอยู่ที่ตำแหน่ง Button แล้วจำเป็นต้องเล่นกับคู่ต่อสู้ที่ตำแหน่ง UTG กับ CO มีความแตกต่างกันมาขนาดไหน จะเห็นได้ว่านอกจากไพ่ที่สามารถนำเข้าไป Call หรือ 3-Bet กลับไปแล้ว ยังเห็นว่ามีไพ่ที่ต้องหมอบทิ้งไปเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความผิดพลาดโดยส่วนใหญ่เกิดจากผู้เล่นที่มักจะ Call เข้าไปเล่นมากกว่าที่จะ 3-Bet

4. เลือกไพ่ที่แข็งแกร่ง และเล่นให้รัดกุมมากขึ้นเมื่ออยู่ที่ตำแหน่ง Small-Blind

เมื่อคุณต้องเล่นจากตำแหน่ง Small-Blind มีผู้เล่นก่อนหน้าคุณ Open-Raise การตัดสินใจใดๆ จะต้องรัดกุมมากยิ่งขึ้น คุณจำกฎข้อที่หนึ่งของบทความนี้ได้ไหม ที่บอกว่า “ตำแหน่งในการเล่นคือสิ่งสำคัญที่สุด” และ เมื่อคุณอยู่ที่ตำแหน่ง Small-Blind คุณจะมีตำแหน่งในการเล่นที่เสียเปรียบเสมอ และ หากคุณ Call ทำให้ผู้เล่นที่ตำแหน่ง Big-Blind ก็จะได้อัตราต่อรองที่ดีพอในการ Call เข้ามาเล่นด้วย และ นั่นยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก เพราะตอนนี้คุณเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่นกับคู่ต่อสู้ถึงสองคน ซึ่งเป็นอันตราย

ดังนั้นการเล่นจากตำแหน่ง Small-Blind คุณควรเล่นด้วยการ 3-bet หรือ Re-Raise มากยิ่งขึ้นเมื่อคุณตัดสินใจที่จะเข้ามาเล่น

5. ไพ่ในกลุ่ม Broadway หรือ ไพ่ที่มีค่าสูงส่งผลอย่างมากต่อแผนการเล่นเมื่อชิปของคุณเหลือน้อย

เมื่อคุณเหลือชิปบนหน้าตักแค่ 20–30 bb ไพ่ที่แนะนำให้เล่น อย่างเช่น Suited Connectors (เช่น 76s, 98s) ที่ควรเล่นตอนมีชิปหน้าตักมากๆ กลับไม่แนะนำให้เล่น เพราะคุณไม่มีชิปเหลือพอ ไปลุ้นติด Flush หรือ Straight ได้อีก
สิ่งที่คุณ ต้องการจริง ๆ คือไพ่ในกลุ่ม Broadway หรือ ไพ่ที่มีค่าสูง เช่น AKo, AQo, KQs เพราะมันมีโอกาส ติด top pair แล้วดัน All-in ได้เลยทันที
ดังนั้น

    • เปิดด้วยไพ่ที่มี High-Card บ่อยขึ้น
    • อย่ากลัวที่จะ All-In เมื่อมีมืออย่าง AJo หรือ KQo
    • ปรับ Range ของคุณให้เน้น “ไพ่ที่มีโอกาสติดคู่ใหญ่”

และนี่คือทั้งหมดของบทความนี้ เกี่ยวกับ กลไก Pre-Flop 5 ประการที่เป็นกุญแจสู่ชัยชนะในโป๊กเกอร์ ที่คุณต้องเรียนรู้ และ อีกครั้ง คุณไม่จำเป็นต้องจำภาพ Range ต่างๆเหล่านี้ทั้งหมด ที่คุณควรทำคือศึกษาแผนภูมิ ภาพ Range ต่างๆ เหล่านี้ และทำความเข้าใจกลยุทธ์ทั่วไปและกลไกที่คุณต้องใช้เมื่อเล่น นั่นจะช่วยให้คุณเล่นโป๊กเกอร์ ในช่วง Pre-Flop ได้ดีและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเล่นประสบความสำเร็จในการเล่นโป๊กเกอร์