
5 ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเล่นที่ Flop เมื่อคุณพลาด
แผนการเล่นที่สมบูรณ์แบบในการเล่นรอบที่ผ่านมา ที่ Pre-Flop จะไม่มีประโยชน์ใดๆ กับคุณเลย หากคุณไม่เข้าใจวิธีเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม เมื่อคุณพลาดไม่ติดอะไรในการเล่นที่ Flop ซึ่งการเรียนรู้ถึงวิธีการเล่นที่ถูกต้องนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง กลยุทธ์ของคุณจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนขึ้นอยู่กับว่าคุณได้เปรียบตำแหน่งในการเล่น In Position (IP เล่นหลังคู่ต่อสู้) หรือ เสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น Out Of Position (OOP เล่นก่อนคู่ต่อสู้) เนื่องจาก Range ในการเล่นที่แตกต่างกันจะทำให้มีความเชื่อมโยงกับบอร์ดที่แตกต่างกัน
ปัจจัยที่ 1 : ผู้เล่นฝ่ายใดมีความได้เปรียบบนบอร์ด
เราเลือกหัวข้อนี้ขึ้นมาเป็นปัจจัยแรก นั่นก็เพราะ การหาว่าผู้เล่นฝ่ายใดมีความได้เปรียบบนบอร์ดที่เปิดขึ้นมามากกว่ากัน นั่นมีความสำคัญมาก โดยปัจจัยที่ 1 นี้ จะเกี่ยวข้องกับการค้นหาว่าผู้เล่นฝ่ายใดน่าจะมีไพ่ที่แข็งแกร่งมากกว่าใน Range ของเขา ซึ่งประกอบไปด้วย Range Advantage และ Nut Advantage ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
Range Advantage หมายความว่าไพ่ทั้งหมดใน Range ของคุณโดยทั่วไปมีความแข็งแกร่งมากกว่า หรือ อยู่เหนือ Range ของคู่ต่อสู้ ในบอร์ดนี้
Nut Advantage หมายถึง ไพ่ที่เมื่อนำมารวมกับไพ่ที่เปิดขึ้นบนบอร์ดมันจะเป็นไพ่ที่มีความแข็งแกร่งที่สุด
เรามาทำความเข้าใจจากตัวอย่าง
สมมติว่าคุณ Raise จากตำแหน่ง EP และ คู่ต่อสู้ของคุณที่ตำแหน่ง Big-Blind เลือกที่จะแค่ Call เมื่อไพ่ที่ Flop เปิดออกมาเป็น A-K-Q คู่ต่อสู้ของคุณเลือก Check
จากตัวอย่างนี้ คุณมีความได้เปรียบเป็นอย่างมาก เพราะ โดยส่วนใหญ่ใน Range ของคุณ (ที่เล่นจากตำแหน่ง EP) มักจะประกอบไปด้วยไพ่ที่แข็งแกร่ง (ประกอบไปด้วยไพ่บนสุดของ Range) ที่คู่ต่อสู้ ไม่น่าจะมี แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะมี ไพ่ที่แข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ใน Range ของเขายังประกอบไปด้วยไพ่อื่นๆอีกมากมายด้วย เช่น Pocket กลางๆ (99-88…) , ไพ่ Suite กลางๆ (98,87,…) นั่นทำให้โอกาสที่จะมีไพ่ที่แข็งแกร่งรวมลดลง
และในสถานการณ์นี้ คุณยังได้เปรียบในเรื่อง Nut Advantage อีกด้วย เนื่องจากคุณสามารถมี Set (AA,KK,QQ) หรือ Straight ด้วย JTs ซึ่งสถานการณ์จะแตกต่างออกไปหากไพ่ที่ Flop เปิดออกมาเป็น 8-6-6 เพราะบนบอร์ดนี้คุณแทบไม่มีไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเลย (โอกาสที่คุณจะมี 6 หรือ 88 นั้นน้อย) ดังนั้นในสถานการณ์นี้ คุณจึงยังพอมีข้อได้เปรียบในด้าน Range Advantage อยู่ เพราะคุณยังสามารถมีไพ่ที่ดีๆและแข็งแกร่งอย่าง AA,KK,QQ… ได้อยู่ แต่คุณไม่มี Nut Advantage บนบอร์ดนี้แล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์โดยรวมของคุณ
หากคุณมีข้อได้เปรียบในเรื่อง Range Advantage มากกว่าคู่ต่อสู้ โดยทั่วไปเราหมายถึง Equity ที่ประมาณ 55% ขึ้นไป คุณควรเลือกที่จะ Bet ให้มากขึ้นแม้ว่าคุณจะยังไม่ติดอะไรเลยก็ตาม
ซึ่งหมายความว่า เมื่อไพ่ที่ Flop เปิดออกมาไม่ได้ทำให้คุณมีความได้เปรียบดังกล่าวข้างต้น คุณควรเลือกที่จะ Check และสามารถยอมแพ้ได้ในบ้างครั้ง ซึ่ง เป็นเรื่องปกติเมื่อคุณมี Equity น้อย หรือไม่มีเลยบนบอร์ดที่ไม่เอื้อให้กับคุณ
ปัจจัยที่ 2: ตำแหน่งในการเล่น
โดยทั่วไปแล้ว คุณควร Check บ่อยขึ้นเมื่อเสียเปรียบตำแหน่งในการเล่น และ ควร Bet บ่อยขึ้นเมื่อได้เปรียบตำแหน่งในการเล่นโดยเลือกใช้ Bet Size ขนาดเล็ก นั่นทำให้คุณสามารถ นำ Range ที่กว้างขึ้นมาใช้ในกลยุทธ์นี้ได้
ในบางครั้ง คุณอาจเลือก Bet ได้ในขนาดเล็ก เมื่อต้องเล่นก่อน หรือ เสียเปรียบตำแหน่งในการเล่นได้ในบางครั้งหากคุณพบว่าคู่ต่อสู้ของคุณมักจะหมอบเมื่อเขาไม่ติดอะไรบนบอร์ด หรือ ไม่มีลุ้นอะไร
แต่หากคู่ต่อสู้ของคุณเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถ นั่นทำให้เขาอาจจะ Call การ Bet ของคุณได้จากไพ่ที่กว้างมากๆ ด้วยเช่นเดียวกันเนื่องจากเขามีความได้เปรียบในตำแหน่งในการเล่น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเขาถือไพ่ Over-Card ,Backdoor Flush หรือ Straight ซึ่งจะทำให้คุณเล่นต่อได้ยากมากขึ้นในการเล่นที่ Turn
ดังนั้น เมื่อคุณมีตำแหน่งในการเล่นที่ได้เปรียบ Bet ให้บ่อยขึ้น แต่เมื่อเสียเปรียบ ให้คุณเลือกที่จะ Check
ปัจจัยที่ 3: ขนาดของชิปหน้าตัก
Effective Stack หมายถึง ขนาดของชิปหน้าตัก ของผู้เล่นทุกคนที่ยังทำการแข่งขันอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชิปหน้าตักของคุณมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ การเลือก C-Bet ที่ Flop จะส่งผลต่อชิปหน้าตักของคุณมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากคุณมีชิปขนาด 100bb และคุณเลือก Open-Raise ขนาด 2.5bb มีคู่ต่อสู้ 1 คน Call และ เข้าไปเล่นที่ Flop เมื่อเขา Check และ คุณเลือก C-Bet ขนาด ½ ของ Pot (ประมาณ 2.5bb) แต่เขากลับ Check/Raise คุณกลับมา ถ้าคุณเลือกหมอบ คุณสูญเสีย เพียง 5bb เมื่อเปรียบเทีียบกับชิปหน้าตักของคุณที่ 100bb ในตอนแรก การเล่นนี้คุณเสียเพียง 5% เท่านั้น
หากคุณใช้แผนการเล่นเดียวกันนี้เมื่อคุณมีชิปหน้าตัก 20bb นั้นหมายความว่าคุณเสีย ไปถึง 25%
และมันเป็นความแตกต่างเป็นอย่างมาก ดังนั้น คุณควรให้ความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อคุณต้องเล่นในขณะที่ชิปหน้าตักของคุณมีไม่มากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่คุณมักจะเหลือชิปให้เล่นไม่มากได้บ่อยกว่าการเล่นในรูปแบบอื่น ขณะที่คุณอยู่ในการแข่งขันรอบลึกๆ ทำให้ไพ่ที่คุณมีลุ้น Draw โดยส่วนใหญ่ไม่มีความคุ้มค่าที่จะเล่นต่อได้เมื่อมองในแง่ Implied-Odds นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์เมื่อผู้เข้าแข่งขันได้เข้าไปเล่นในรอบลึกๆด้วยชิปหน้าตักน้อยๆ มักจะไม่เล่น ไพ่จำพวก คู่เล็กๆ หรือ Suited-Connect เพราะโอกาสที่คุณจะติดอะไรที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะสามารถเล่นต่อได้นั้นมีไม่มาก
ดังนั้น เมื่อคุณเหลือชิปหน้าตักไม่มาก โดยทั่วไปแผนการเล่นของคุณคือต้อง Check บ่อยขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคู่ต่อสู้ของคุณเป็นผู้เล่นที่ไม่ชอบที่จะหมอบไพ่ของเขาง่ายๆ
ปัจจัยที่ 4 : แนวโน้มของคู่ต่อสู้
เราให้ความสำคัญกับแนวโน้มของคู่ต่อสู้เป็นปัจจัยต่อมา เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว เกี่ยวกับประเภทของผู้เล่น โดยทั่วไป เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ ที่เป็นผู้เล่นที่เล่นมั่วๆ หรือ ผู้ที่ไม่ชอบที่จะหมอบ คุณควรลักไก่ให้น้อยลง การเล่น ABC โป๊กเกอร์แบบตรงไปตรงมากับผู้เล่นเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควรทำ เมื่อคุณมีไพ่ที่ดี ให้ Bet เพื่อทำกำไรให้สูงที่สุดกับพวกเขา และ เมื่อคุณพลาด ไม่ติดอะไรเลย ให้ Check เพื่อ ยอมแพ้ เพื่อเสียชิปให้น้่อยที่สุด
เป็นเรื่องปกติที่คุณจะต้องยอมแพ้บ้าง แต่ให้คุณทำกำไรให้มากที่สุดเมื่อคุณชนะ
การศึกษาถึงลักษณะการเล่น และ กลยุทธ์ของคู่ต่อสู้จึงมีความสำคัญ
ปัจจัยที่ 5: จำนวนผู้เล่นที่เหลืออยู่
ปัจจัยสุดท้ายคือ จำนวนผู้เล่นที่เหลืออยู่ในการเล่น เมื่อคุณต้องเล่นกับคู่ต่อสู้มากกว่า 1 คน คุณควรลดการลักไก่ลง เนื่องจากเมื่อมีผู้เล่นเหลืออยู่มากเท่าใดในการเล่น โอกาสที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งติดอะไรที่ Flop ก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น แผนการเล่นของคุณจึงควรเลือก Bet ด้วยไพ่ที่เป็น Polarize คือ ไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือ Semi-Bluff ได้เมื่อคุณมีตำแหน่งในการเล่นที่ได้เปรียบหรือได้เล่นที่หลังสุด และ ควรเลือก Check มากขึ้น เมื่อเสียเปรียบตำแหน่ง
ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นฝ่าย Open-Raise ในรอบ Pre-Flop และ ผู้เล่นอีก 5 คน Call เข้ามาเล่น ไพ่ที่ Flop เปิดออกมาเป็น 10-7-3 แม้ว่าคุณจะถือ AA ก็ตามคุณควรเลือกที่จะ Check เนื่องจาก มีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้เล่นคนใดคนหนึ่งใน 5 คน มีโอกาสที่จะมี Set ได้ และ หากคุณเลือกที่จะ C-Bet ที่ Flop โดยมีคู่ต่อสู้ 5 คนเล่นต่อจากคุณ นั่นทำให้เห็นว่า คุณมีไพ่ที่แข็งแกร่งและนั่นคือโอกาสให้คู่ต่อสู้ของคุณสามารถนำมาใช้ในการโจมตีคุณได้
และโดยทั่วไป เมื่อคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้เล่นมากกว่า 1 คน คุณต้องความระมัดระวังในการเล่น ไพ่ที่คุณนำมาเล่นควรเป็นไพ่ที่แข็งแกร่งพอที่จะเล่นใน Pot ที่มีขนาดใหญ่มากๆ ได้ (เนื่องจากมีผู้เล่นหลายคนทำให้ชิปกองกลางมีขนาดใหญ่)
สรุปบทความ
เรามาสรุปเนื้อหาทั้งหมดข้างต้น จะทำอย่างไรเมื่อคุณพลาดไม่ติดอะไรที่ Flop?
ก่อนอื่น ถามตัวเองว่าใครมี Range และ Nuts Advantage? หากคุณเป็นฝ่ายได้เปรียบมาก คุณสามารถ Bet ได้แม้คุณจะไม่ติดอะไรเลย แต่หากไม่ คุณควร Check โดยพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม นั่นก็คือเมื่อมีตำแหน่งในการเล่นที่ได้เปรียบ ,ชิปหน้าตักของคุณ ,แนวโน้มของคู่ต่อสู้ และ สุดท้าย จำนวนผู้เล่น ที่เหลืออยู่
เราหวังว่าคุณจะสนุกกับบทความนี้ และ หวังว่า N8TH จะสามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเล่น เช่นเคย โปรดแสดงความคิดเห็นหรือส่งคำติชม เพื่อให้เราได้ปรับปรุงบทความให้ดีมากยิ่งขึ้น
ขอให้คุณประสบความสำเร็จในการเล่นโป๊กเกอร์ ที่ N8