3-Bet, 4-Bet, 5-Bet คืออะไร?

3-Bet, 4-Bet, 5-Bet คืออะไร?

หัวข้อต่างๆ

เพื่อความเข้าใจที่ง่ายที่สุด เราต้องย้อนกลับไปที่ “การเดิมพัน” ในโป๊กเกอร์:

  • Bet (การเดิมพัน): คือการวางชิปก้อนแรกเข้าสู่ Pot ในรอบการเดิมพันนั้นๆ
  • Raise (การเพิ่มเดิมพัน): คือการเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันที่ผู้เล่นคนก่อนหน้าได้วางไว้

แต่ในบริบทของ 3-Bet, 4-Bet, 5-Bet นั้น การนับ “เบท” จะเริ่มจากจุดเริ่มต้นของ Pot:

  1. Big Blind (BB): ถือเป็นการ “Bet” ครั้งแรกที่ถูกบังคับวางไว้ (Initial Bet หรือ 1-Bet)
  2. Open-Raise (2-Bet): คือการ Raise ครั้งแรกที่ผู้เล่นคนหนึ่งทำ หลังจาก Big Blind หรือผู้เล่นคนอื่นที่ Call มา (เช่น ผู้เล่นจาก UTG เปิด Raise) นี่คือ “Bet” ครั้งที่สองในลำดับการเดิมพัน
  3. 3-Bet: คือการ Re-raise การ Open-Raise (2-Bet) นั่นเอง เป็นการเดิมพันครั้งที่สามในลำดับ
  4. 4-Bet: คือการ Re-raise การ 3-Bet อีกครั้ง เป็นการเดิมพันครั้งที่สี่
  5. 5-Bet: คือการ Re-raise การ 4-Bet อีกครั้ง เป็นการเดิมพันครั้งที่ห้า

โดยทั่วไปแล้ว, ยิ่งจำนวน “เบท” สูงขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงถึงความก้าวร้าวและความแข็งแกร่งของมือที่สูงขึ้นเท่านั้น (หรือเป็นการบลัฟที่กล้าหาญอย่างยิ่ง)

แตกต่างกันอย่างไรในเกมจริง?

สถานการณ์เริ่มต้น: Blinds อยู่ที่ 1/2 $ (Small Blind 1$ , Big Blind 2$ )

  1. Open-Raise (2-Bet):

    • ผู้เล่น A (เช่นจากตำแหน่ง UTG) ตัดสินใจ Raise ไปที่ 6 ดอลลาร์ (เป็นการ Raise ครั้งแรกหลัง Blinds)
    • ในทางเทคนิค นี่คือ 2-Bet แต่คนส่วนใหญ่จะเรียกแค่ “Raise” หรือ “Open-Raise”
  2. 3-Bet:

    • ผู้เล่น B (เช่นจากตำแหน่ง Button) เห็นว่าผู้เล่น A Raise มา และตัดสินใจที่จะ Re-raise กลับไปที่ 20 ดอลลาร์ (เป็นการ Raise ครั้งที่สองในมือนี้ หรือ “Bet” ครั้งที่สามในลำดับ)
    • ความหมายในเกมจริง:
      • โดยทั่วไป: ผู้เล่น B กำลังแสดงว่าเขามีมือที่แข็งแกร่งมาก (เช่น คู่ AA, KK, QQ หรือ AK) หรือเขากำลังบลัฟเพื่อต้องการให้ผู้เล่น A หมอบ
      • จุดประสงค์: เพื่อเพิ่มขนาด Pot, คัดผู้เล่นคนอื่นออกไป, หรือได้เปรียบทางตำแหน่งหลัง Flop (ถ้าผู้เล่น B มีตำแหน่ง)
  3. 4-Bet:

    • ผู้เล่น A เห็นผู้เล่น B 3-Bet มา และตัดสินใจที่จะ Re-raise กลับไปอีกครั้งที่ 50 ดอลลาร์ (เป็นการ Raise ครั้งที่สามในมือนี้ หรือ “Bet” ครั้งที่สี่ในลำดับ)
    • ความหมายในเกมจริง:
      • โดยทั่วไป: การ 4-Bet เป็นสัญญาณที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งที่บ่งบอกถึงมือระดับพรีเมียม (เช่น AA หรือ KK เป็นส่วนใหญ่) หรือเป็นการบลัฟที่เสี่ยงสูงมาก
      • จุดประสงค์: ผู้เล่น A อาจมีมือที่แข็งแกร่งกว่า Range ที่ผู้เล่น B จะ 3-Bet มา หรือเขาคิดว่าผู้เล่น B กำลังบลัฟ และต้องการ “เรียก” การบลัฟนั้นโดยการ 4-Bet กลับไป
  4. 5-Bet:

    • ผู้เล่น B เห็นผู้เล่น A 4-Bet มา และตัดสินใจที่จะ Re-raise กลับไปอีกครั้ง โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นการ All-in (เพราะชิปมักจะเหลือน้อยแล้วหลังจาก 4-Bet)
    • ความหมายในเกมจริง:
      • โดยทั่วไป: การ 5-Bet มักจะเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นทั้งสองคนมีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโป๊กเกอร์ (เช่น ทั้งคู่มี AA หรือ KK) หรือเป็นการบลัฟ “All-in” ที่สิ้นหวัง
      • จุดประสงค์: เพื่อผลักดันชิปทั้งหมดเข้า Pot และต้องการให้ Pot ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะมั่นใจในมือตัวเอง (หรือบลัฟครั้งสุดท้าย)

ข้อสังเกตสำคัญ:

  • Pre-flop เป็นหลัก: การ 3-Bet, 4-Bet, 5-Bet ส่วนใหญ่เกิดขึ้นก่อนเปิดไพ่ Flop เพราะหลังจาก Flop ไปแล้ว โครงสร้างการเดิมพันจะซับซ้อนขึ้น และการเรียก “Bet” จะนับตามรอบการเดิมพันนั้นๆ
  • แสดงถึงความแข็งแกร่ง: ยิ่ง Bet สูงขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึง Range ไพ่ที่แข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น (AA, KK เป็นไพ่ที่ใช้ 4-Bet/5-Bet บ่อยที่สุด)
  • บลัฟ: ผู้เล่นมือฉมังจะใช้ 3-Bet, 4-Bet เป็นการบลัฟด้วยเช่นกัน เพื่อให้คู่ต่อสู้หมอบมือที่อาจจะดีกว่า (แต่ยังไม่ถึงกับพรีเมียม)
  • ขนาดกองชิป (Stack Size): จำนวนชิปที่คุณมีและคู่ต่อสู้มีก็ส่งผลต่อการตัดสินใจ 3-Bet, 4-Bet, 5-Bet หากมีชิปน้อย การ 3-Bet อาจจะเป็นการ All-in ได้เลย

สรุป

การทำความเข้าใจ 3-Bet, 4-Bet, 5-Bet ช่วยให้คุณอ่านเกมได้ลึกซึ้งขึ้น และตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าเมื่อไหร่ควรจะสู้ต่อ, เมื่อไหร่ควรจะหมอบ หรือเมื่อไหร่ควรจะใช้ความก้าวร้าวเพื่อช่วงชิง Pot.